1) ภาษาไทยมาตรฐานคือภาษาราชการ
2) ภาษาไทยมีการออกเสียงหนักเสียงเบา
3) ภาษาไทยรับคำจากภาษอื่นในรูปศัพท์เดิมเป็นส่วนใหญ่
4) คนไทยบางคนออกเสียงพยัญชนะบางเสียงตามเสียงภาษาอังกฤษ
1) บรั่นดี 2) นิวเคลียส 3) อิเควเตอร์ 4) เพนกวิน
1) 7 พยางค์ 2) 8 พยางค์ 3) 9 พยางค์ 4) 10 พยางค์
1) ประหยัดวันนี้สบายวันหน้า
2) สมบัติเมาเซถลาหัวทิ่ม
3) หมึกแดงแผลงฤทธิ์ให้รสอร่อย
4) จะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ
1) ทหารเป็นผู้มีหน้าที่รบเพื่อปกป้องมาตุภูมิของตนไม่ให้ข้าศึกรุกราน
2) ประชาชนส่งไปรษณียบัตรทางผลฟุตบอลยูโร 2000 เป็นจำนวนมาก
3) ประธานในพิธีกล่าวคาถาเชิญเทวดามาชุมนุมเพื่อเป็นมงคล
4) ชีวเคมีเป็นวิชาวิทยาศาสตร์สาขาหนึ่งที่ศึกษาเกี่ยวกับองค์ประกอบทางเคมีของสิ่งมีชีวิต
1) แต่หนาวใจยากแค้นนี้แสนเข็ญ
2) ออกแออัดผู้คนอยู่ล้นหลาม
3) ในแหล่งหล้าใครไม่มีเสมอเหมือน
4) ไม่สมประกอบทรัพย์สินก็ขัดสน
1) ไอยรา ราชสีห์ กุญชร
2) ลำธาร ชลาสินธุ์ มัจฉา
3) เทเวศร์ อัจฉรา สุรารักษ์
4) สิงขร เวหาสน์ วนาดร
1) เห็นกิ่งกีดมีดพร้าเข้ารารัน
2) หลังคาใหญ่พื้นเล็กเป็นโรงผี
3) ดูเหย้าเรือนหาเหมือนอย่างไทยไม่
4) ถึงหนามกรานก็ไม่เจ็บเหมือนเหน็บแนม
1) แน่นวดแป้งแล้วปั้นเป็นลูกกลมๆ
2) แยกๆกันไปกินอาหารจะได้ออกรถเร็วขึ้น
3) สมพรอยากย้ายบ้านไปอยู่ใกล้ๆที่ทำงาน
4) อายุเกิน 80 แล้วยังชอบใส่เสื้อผ้าสีสดๆ
1) ประชากรโลกกำลังเผชิญโศกนาฏกรรมเงียบจากโรคร้าย ทั้งเอดส์ มาลาเรีย และวัณโรค
2) ต่อข้อซักถามของผู้สื่อข่าว ตัวแทนสภากาชาดสากลแถลงว่าสถานการณ์โรคร้ายในปัจจุบันกำลังน่าวิตก
3) สภากาชาดสากลพร้อมด้วยผู้นำจากประเทศในเอเชียแถลงว่าประเทศในทวีปแอฟริกาเป็นพื้นที่ที่มีโรคเอดส์ระบาด
มากที่สุด
4) รัฐบาลแต่ละประเทศควรสนในปัญหาโรคเอดส์ เพราะปัจจุบันโรคเอดส์เป็นมหันตภัยที่ทำลายเศรษฐกิจและสังคม
11.ข้อใดใช้คำภาษาต่างประเทศโดยไม่จำเป็น
1) เมื่อไฟดับควรตรวจดูว่าเป็นเพราะฟิวส์ขาดหรือปลั๊กหลุด
2) เด็กๆชอบรับประทานไอศกรีมช็อคโกแลตมากกว่าไอศกรีมกะทิสด
3) ก่อนเข้าแบงค์ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องถอดหมวกกันน็อกและแว่นตาดำออก
4) นักกอล์ฟหลายคนอยากเปลี่ยนวงสวิงให้คล้ายกับไทเกอร์วูดส์เพื่อให้ตีลูกได้แม่นและไกล
1) จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ความเห็นชอบ
2) คุณปู่ทำกนกแก้วลายไทยงามไพจิตร
3) ให้รื่นเริงสุขสำราญเหมือนดอกไม้บานยามเช้า
4) เพลงลาวดำเนินทรายมีทำนองไพเราะอ่อนหวาน
1) เมื่อประตูเปิดผู้ที่รออยู่ก็วิ่งกรูเข้าไปแย่งซื่อบัตรชมฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศ
2) เยอรมันคิดค้นเทคโนโลยีการใช้แม่เหล็กลอยตัวสำหรับรถไฟความเร็วสูงได้สำเร็จ
3) ไทยเตรียมโยกย้ายทหารออกไปจากติมอร์ตะวันออกภายในเดือนมีนาคม
4) ตำรวจพยายามสืบสวนหาตัวคนร้ายอยู่หลายสัปดาห์ แต่ก็ไม่ได้ร่องรอยอะไรเลย
1) หมดตัว ยกเครื่อง ขนแมว
2) ลอบกัด ตาบอด เปิดท้าย
3) ไข่ดาว ขมขื่น ลายแทง
4) ปลากรอบ หวานเย็น เด็กดอง
1) พรุ่งนี้หัวหน้าจะเรียกประชุมตอนบ่ายๆ
2) คุณย่าชอบดูละครโทรทัศน์หลังข่าวภาคค่ำ
3) สมสิริมาหาครูตอนเช้าก่อนเข้าห้องเรียน
4) เมื่อวานนี้แม่แวะมหาหาตอนกินข้าวเย็น
1) ผู้ได้รับรางวัลเป็นกวีที่มีชื่อเสียงชาวญี่ปุ่น
2) ตำรวจจับผู้ค้ายาเสพติดจำนวนมากที่กลางกรุง
3) แม่ค้าหยิบเหรียญบาทออกมาทอน 4 เหรียญ
4) แผ่นดินไหวทำให้บ้านเมืองพังพินาศและผู้คนล้มตายมาก
1) ลูกทำกิจการขาดทุนหลายครั้ง แต่แม่ก็ฆ่าไม่ตายขายไม่ขาด ให้เงินช่วยทุกครั้ง
2) ตอนนี้เขาร่ำรวย แต่เมื่อหนุ่มๆ ยากจนแทบไม่มีจะกิน เข้าทำนองตีนถีบปากกัด
3) เธอบอกว่าไม่ชอบสมศักดิ์ แต่พอเขาชวนไปเที่ยวก็ไป เข้าตำราปากว่าตาขยิบ
4) คุณปู่เล่าว่าแต่ก่อนเรามีฐานะดีมากขนาดที่เรียกว่าข้าวเหลือเกลืออิ่ม
1) เช้านี้อากาศปลอดโปร่ง นักท่องเที่ยวต่างชื่นชมกับพระอาทิตย์ยามเช้า
2) ก่อนไปสอบเป็นผู้ประกาศข่าว ข้าพเจ้าฝึกอ่านข่าวกับคุณศันสนีย์จนคล่อง
3) นักเรียนที่ลงทะเบียนเรียนช้ากว่ากำหนด ต้องยื่นคำร้องกับเจ้าหน้าที่
4) ในอนาคตข้าพเจ้าอยากทำงานกับกระทรวงศึกษาธิการ
1) กวนน้ำให้ขุ่น 2) โยนหินถามทาง
3) หว่านพืชหวังผล 4) ปากคนยาวกว่าปากกา
ก. การสร้างงานศิลปะมีตั้งแต่ระดับการประดิดประดอยไปจนถึงระดับอุตสาหกรรมศิลป์
2) การค้นคว้าวิจัยเป็นกระบวนการเชิงวิทยาศาสตร์ที่ใช้เหตุผลและตรรกะ
3) ในสังคมไทยอาจารย์จำนวนมากเป็นผู้บริโภควิชาการมากกว่าสร้างสรรค์
4) สถาบันต่างๆ ควรสอนให้นักศึกษาประยุกต์ความลุ่มลึกในวิชาชีพไปพัฒนาการสังคม
เฉลยข้อสอบ
– ข้อ 1 ถูกต้อง เพราะประเทศไทยใช้ภาษไทยมาตรฐานเป็นภาษาราชการ
– ข้อ 2 จริงที่การออกเสียงภาษาไทยใช้เสียงหนักเบา
– ข้อ 4 จริงที่คนไทยบางคนออกเสียงพยัญชนะบางเสียงตามเสียงอังกฤษ เช่น chocolate คนไทยทั่วไปออก
เสียงว่า ช็อกกาแลต บางคนอาจจะออกตามฝรั่งว่า ช็อคโคแลต ( เสียง c บางคนออกเสียง “ค” ตามฝรั่ง)
– ข้อ 3 ไม่จริง เพราะเวลารับคำจากภาษาอื่น ภาษาไทยจะมีการแปลงรูปศัพท์มาด้วย
เช่น – ทิฏฐิ เวลามาใช้ในภาษาไทยใช้ว่า ทิฐิ
– วุฑฒิ เวลามาใช้ในภาษาไทยใช้ว่า วุฒิ
– อัฑฒ เวลามาใช้ในภาษาไทยใช้ว่า อัฒ
– สํคม เวลามาใช้ในภาษาไทยใช้ว่า สังคม
– เพราะเสียงควบกล้ำของไทยมี 11 เสียง คือ /กร / /กล / / กว / /คร / / คล / /คว / /ปร / /ปล/ / พร / /พล / /ตร/
– ข้อ 2 ควบกล้ำที่ /คล/
– ข้อ 3 ควบกล้ำที่ /คว/
– ข้อ 4 ควบกล้ำที่ /กว/
– ข้อ 1 เสียง / บร/ ไม่มีในเสียงควบกล้ำของไทย ข้อ 1 จึงตรงกับคำตอบ
– มีพยางค์ที่มีพยัญชนะท้ายทั้งหมด 9 พยางค์ คือ
พูด มี “ด” เป็นเสียงพยัญชนะท้าย
จะ มี “อ” เป็นเสียงพยัญชนะท้าย} ทั้งนี้เพราะพยางค์ที่ไม่มีตัวสะกดประสมสระสั้นเน้นเสียง “อ”เป็นตัวสะกด
จะ มี “อ” เป็นเสียงพยัญชนะท้าย} ทั้งนี้เพราะพยางค์ที่ไม่มีตัวสะกดประสมสระสั้นเน้นเสียง “อ”เป็นตัวสะกด
นั่น มี “น” เป็นเสียงพยัญชนะท้าย
เอง มี “ง” เป็นเสียงพยัญชนะท้าย
ทำ มี “ม” เป็นเสียงพยัญชนะท้าย
ไม มี “ย” เป็นเสียงพยัญชนะท้าย
ไม่ มี “ย” เป็นเสียงพยัญชนะท้าย
ลง มี “ง” เป็นเสียงพยัญชนะท้าย
– พยางค์ “มัว” ไม่มีเสียงพยัญชนะท้าย “ว” เป็นรูปสระ
“มือ” ไม่มีเสียงพยัญชนะท้าย “อ” เป็นรูปสระ
“เสีย” ไม่มีเสียงพยัญชนะท้าย “ย” เป็นรูปสระ
– ข้อ 1 ขาดเสียงวรรณยุกต์จัตวา
– ข้อ 2 ขาดเสียงวรรณยุกต์ตรี
– ข้อ 4 ขาดเสียงวรรณยุกต์จัตวา
– ข้อ 1 มีคำสมาส คือ “มาตุภูมิ”
– ข้อ 2 มีคำสมาส คือ “ประชาชน” “ไปรษณียบัตร”
– ข้อ 4 มีคำสมาส คือ “วิทยาศาสตร์”
© คำว่า “ ชีวเคมี ” ในข้อ 4 ไม่ใช่ คำสมาส เพราะ เคมี เป็นภาษาอังกฤษ นำมาสมาสคำไม่ได้
– ข้อ 1 มีคำซ้อน 1 คำ คือ ยากแค้น
– ข้อ 3 มีคำซ้อน 2 คำ คือ แหล่งหล้า,เสมอเหมือน
– ข้อ 4 มีคำซ้อน 2 คำ คือ ทรัพย์สิน,ขัดสน
– ข้อ 2 มีคำซ้อน 3 คำ คือ แออัด,ผู้คน, ล้นหลาม
ตัวเลือกข้อ 2 เป็นข้อที่มีคำซ้อนมากที่สุด
– คำพ้องความหมาย คือ คำที่มีความหมายเหมือนกัน หรือ ที่เราเรียกกันว่า คำไวพจน์
ข้อ 1 มี “ไอยรา” กับ “กุญชร” ที่แปลเหมือนกัน คือ “ช้าง”
ข้อ 2 มี “ลำธาร” กับ “ชลาสินธุ์”ที่แปลเหมือนกัน คือ “แม่น้ำ” (ถึง “มัจฉา”จะแปลว่า “ปลา”)
ข้อ 3 มี “เทเวศร์” กับ “สุรารักษ์” ที่แปลเหมือนกัน คือ “เทวดา” (ถึง “อัจฉรา”จะแปลว่า “นางฟ้า”)
ข้อ 4 สิงขร แปลว่า ภูเขา เวหาสน์ แปลว่า ท้องฟ้า วนาดร แปลว่า ป่าสูง
– ข้อ 2 มีคำประสม 2 คำ คือ “หลังคา” กับ “โลงผี” (โลงศพ)
– ข้อ 1 “มีดพร้า” กับ “ระราน” เป็นคำซ้อน
– ข้อ 3 “เหย้าเรือน” เป็นคำซ้อน
– ข้อ 4 “เหน็บแนม” เป็นคำซ้อน
– ข้อ 1,3,4 เป็นคำซ้ำปะเภทขยายความ
– ข้อ 1 “กลมๆ” ขยาย “ลูก”
– ข้อ 3 “ใกล้ๆ” ขยาย “อยู่”
– ข้อ 4 “สดๆ” ขยาย “สี”
– ข้อ 2 เป็นคำซ้ำที่มีความหมายในเชิง “แบ่ง” หรือ “แยก” ในที่นี้ “แยกๆกันกิน” คือ
“แยกกันไปกิน” ข้อ 2 จึงต่างกับข้ออื่น
และสังคม
– ข้อ 1 มีสำนวนต่างประเทศตรงที่ “เผชิญโศกนาฏกรรมเงียบจาก” ควรแก้เป็น “เผชิญ โศกนาฏกรรมเงียบของ…”
– ข้อ 2 เป็นสำนวนต่างประเทศ ตรงที่ “ต่อข้อซักถามของผู้สื่อข่าว”
– ข้อ 3 เป็นสำนวนต่างประเทศ ตรงที่ “สภากาชาดสากลพร้อมด้วยผู้นำ……”
ควรแก้เป็น “สภากาชาดสากลร่วมกับผู้นำ”
– ข้อ 1 คำภาษาต่างประเทศ คือ “ฟิวส์” “ปลั๊ก” (เป็นคำที่ไม่มีคำไทยแทน)
– ข้อ 2 คำภาษาต่างประเทศ คือ “ ไอศกรีม” “ช็อกโกแลต” (เป็นคำที่ไม่มีคำไทยแทน)
– ข้อ 4 คำภาษาต่างประเทศ คือ “ กอล์ฟ” “วงสวิง”(เป็นคำที่ไม่มีคำไทยแทน)
– ข้อ 3 คำภาษาต่างประเทศ คือ “แบงก์” สามารถเปลี่ยนเป็นคำไทยว่า “ธนาคาร” ได้ ข้อ 3 จึงถูกต้อง
– ข้อ 1 มีคำเขมร คือ “โปรด”
– ข้อ 3 มีคำเขมร คือ “สำราญ”
– ข้อ 4 มีคำเขมร คือ “ดำเนิน” “ไพเราะ”
– ทั้งนี้เพราะ “โยกย้าย” ใช้กับ “ตำแหน่งงาน” แต่ในที่นี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการย้ายกองทหาร
ควรเปลี่ยนเป็น “เคลื่อนย้าย” ( เพราะ เคลื่อนย้าย ใช้กับ กำลังพล )
– ข้อ 1 ยกเครื่อง มีความหมายอุปมาว่า ปรับปรุง
– ข้อ 2 ลอบกัด มีความหมายอุปมาว่า ทำลับหลัง
ตาบอด มีความหมายอุปมาว่า หลง
– ข้อ 3 ไข่ดาว มีความหมายอุปมาว่า อกเล็ก
ลายแทง มีความหมายอุปมาว่า ลายมือหวัดๆ
– ข้อ 4 ปลากรอบ หวานเย็น เด็กดอง มีความหมายตรงทุกคำ
– ข้อ 1 เวลา คือ “ตอนบ่ายๆ” ไม่เจาะจง
– ข้อ 2 มีการขยายให้ชัดเจนว่า ละครโทรทัศน์ หลังข่าวภาคค่ำ
– ข้อ 3 มีการขยายให้ชัดเจนว่า ตอนเช้าก่อนเข้าห้องเรียน
– ข้อ 4 มีการขยายให้ชัดเจนว่า เมื่อวานนี้ตอนกินข้าวเย็น
– ทั้งนี้เราะ “จำนวนมาก” ในข้อ2 อาจจะขยาย “ผู้ค้า” หรือ “ยาเสพติด” ทำให้ได้ 2 ความหมาย
คือ – ตำรวจจับคนขายเฮโรอีน ได้คนขายจำนวนมาก
– ตำรวจจับคนขายที่ขายเฮโรอีนจำนวนมาก
– ข้อ 1 ผิด เพราะฆ่าไม่ตายขายไม่ขาด หมายถึง โกรธเกลียดเท่าไหร่ก็ตัดไม่ขาด
ในที่นี้ไม่ได้แสดงมาว่าพ่อแม่โกรธหรือดเกลียดลูก
– ข้อ 2 ผิด เพราะ ตีนถีบปากกัด หมายถึง มานะพยายามทำงานเพื่อปากท้อง โดยไม่คำนึงถึง
ความเหน็ดเหนื่อย ไม่ได้หมายความว่า ลำบากตอนหนุ่มๆ
– ข้อ 4 ผิด เพราะ ข้าวเหลือเกลืออิ่ม ใช้กับสภาพบ้านเมืองที่อุดมสมบูรณ์ด้วยข้าวปลาอาหาร
ไม่ได้ใช้กับคนที่มีฐานะดี (คนที่มีฐานะดีมาก เรียกว่า ผู้มีอันจะกิน)
– ข้อ 3 ถูกแล้ว เพราะปากว่าตาขยิบ คือ พูดไปอย่าง แต่กลับทำอีกอย่าง (ปากกับการกระทำไม่ตรงกัน )
ในที่นี้ปากว่าไม่ชอบ แต่ก็ไปเที่ยวกับเขา จึงถูกต้อง
– ข้อ 1 ผิด เพราะ “ชื่นชมกับพระอาทิตย์” ไม่ต้องมี “กับ” ก็ได้ ถือว่าใช้คำฟุ่มเฟือย
– ข้อ 3 ผิด เพราะ “ยื่นคำร้องกับเจ้าหน้าที่” ต้องแก้เป็น “ยื่นคำร้องต่อ…..”
– ข้อ 4 ผิด เพราะ “อยากทำงานกับกระทรวงฯ” ควรแก้เป็น “อยากทำงานในกระทรวง”
หรือ “อยากทำงานที่กระทรวง”
– ทั้งนี้เพราะการกระทำเพื่อลองดูปฏิกิริยา เขาใช้สำนวนว่า “โยนหินถามทาง”
– ข้อ 1 กวนน้ำให้ขุ่น หมายถึง ทำเรื่องสงบให้วุ่นวาย
– ข้อ 3 หว่านพืชหวังผล หมายถึง ทำเพื่อหวังผลตอบแทน
– ข้อ 4 ปากคนยาวกว่าปากกา หมายถึง เรื่องจะยาว เพราะคนพูดต่อไปเรื่อยๆ
– ข้อ 1 ควรแก้ “มีตั้งแต่ระดับประดิดประดอย……จนถึงระดับอุตสาหกรรมศิลป์” เป็น
“มีตั้งแต่ขั้นประดิดประดอย…..จนถึงขั้นอุตสาหกรรมศิลป์”
– ข้อ 2 ควรแก้ “……ที่ใช้เหตุผลและตรรกะ” ใช้คำฟุ่มเฟือย ควรแก้เป็น “ที่ใช้เหตุผล”
– ข้อ 4 “ไปพัฒนาการสังคม” ใช้คำผิด ควรแก้เป็น “ไปพัฒนาสังคม”
หน้าที่เข้าชม | 16,164 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 12,865 ครั้ง |
เปิดร้าน | 27 พ.ค. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |